Social Icons

บ้านครูภาษาไทย "(นู๋มาน นู๋นัตตี้ นู๋ยู และนู๋ฟาส)"

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

การฟังให้เกิดวิจารณญาณ




การฟังให้เกิดวิจารณญาณ




                การฟัง เป็นการรับรู้ความหมายของสาร กระบวนการฟังจะเริ่มตั้งแต่เสียงมากระทบกับประสาทหู เกิดการได้ยิน การฟังจะมีกระบวนการทำงานของสมองมาเกี่ยวข้องด้วย สามารถรับรู้สิ่งที่ได้ยิน ตีความ จับความ เข้าใจความหมาย และจดจำไว้
                วิจารณญาณ คือ ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลที่ถูกต้อง
                การฟังการอ่านให้เกิดวิจารณญาณจะต้องตั้งใจ ทำความเข้าใจเนื้อหาสาระ รู้จักคิดใคร่ครวญ ใช้ความรู้ ความคิด เหตุผล และประสบการณ์ของตนประกอบการพิจารณา
                การฟังการอ่านให้เกิดวิจารณญาณนั้น อาจสรุปได้ดังนี้
๑.             พิจารณาจุดมุ่งหมายของผู้พูด
๒.             พิจารณาความเป็นไปได้ของเรื่อง
๓.             พิจารณาความน่าเชื่อถือของเรื่อง
๔.             พิจารณาสารประโยชน์ แง่คิดของเรื่อง
๕.             วินิจฉัยความเข้าใจของผู้พูด
๖.             พิจารณาวิธีการพูด วิธีการถ่ายทอดของผู้พูด
กระบวนการฟังให้เกิดวิจารณญาณ
                กระบวนการฟังสารให้เกิดวิจารณญาณ เริ่มจากเกิดการรับรู้ เข้าใจความหมายของสาร ต่อจากนั้นจะต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ ใคร่ครวญ ตัดสินใจได้ว่าสิ่งใดเป็นใจความสำคัญ สิ่งใดเป็นพลความแยกข้อเท็จจริง ออกจากความคิดเห็นได้ วินิจฉัยได้ว่าสารที่ฟังนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่มากน้อยเพียงใด ประเมินค่าได้ ทั้งประเมินค่าของสารที่ฟัง และประเมินค่าผู้พูดในด้านต่าง ๆ
                การฟังเพื่อให้เกิดวิจารณญาณจะต้องฟังอย่างไม่มีอคติ
การพัฒนาวิจารณญาณในการฟัง
                การฝึกฟังประเภทต่าง ๆ จะช่วยพัฒนาวิจารณญาณในการฟังได้ โดยทั่วไปสารแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1.              สารให้ความรู้
สารให้ความรู้บางชนิดเข้าใจได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ แต่บางชนิดจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ เช่น บทความที่แฝงแง่คิดและเจตนาไว้ การฟังสารให้ความรู้เพื่อให้เกิดวิจารณญาณ มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
๑.๑       พิจารณาว่าเรื่องนั้นมีคุณค่าหรือมีประโยชน์ควรแก่การฟังหรือไม่
๑.๒   เรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณในการฟัง ต้องตั้งใจฟัง จับประเด็นสำคัญให้ได้ วินิจสาร คือ ตีความให้ได้ความหมายที่แท้จริงที่ผู้ส่งสารสื่อถึงผู้ฟัง ตรวจสอบความสามารถในการวินิจสาร เทียบกับคนอื่นที่ฟัง
๑.๓          แยกข้อเท็จจริงจากข้อคิดเห็น พิจารณาทัศนคติของผู้พูด พิจารณา ความน่าเชื่อถือของสาร
๑.๔          บันทึกประเด็นสำคัญไว้ บันทึกคำถามหรือประเด็นที่ควรอภิปรายไว้
๑.๕       ประเมินค่าสารนั้นว่ามีประโยชน์ มีแง่คิด มีคุณค่าอะไรบ้าง
๑.๖    พิจารณากลวิธีในการเสนอความรู้ของผู้พูด การใช้ถ้อยคำสำนวน ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
2.              สารโน้มน้าวใจ
                เมื่อฟังสารประเภทนี้ จะต้องพิจารณาก่อนว่าผู้ส่งสารมีจุดมุ่งหมาย อย่างไร เป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดี การฟังที่โน้มน้าวใจ อาจพิจารณาดังนี้
๒.๑  สารนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง หรือเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของผู้พูดมากน้อยเพียงใด
๒.๒   สารนั้นสนองความต้องการหรือก่อให้ผู้ฟังเกิดความปรารถนาอย่างไร มากน้อยเพียงใด
๒.๓   ผู้พูดเสนอแนวทางที่จะสนองความต้องการของผู้บังคับหรือประโยชน์ที่ผู้ฟังจะได้รับอย่างไร
๒.๔   สารนั้นเร้าให้ผู้ฟังเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งใด ต้องการให้ผู้ฟังคิดปฏิบัติ อย่างไร
๒.๕   ภาษาที่ใช้มีลักษณะเร้าอารมณ์อย่างไร
3.              สารจรรโลงใจ
สารจรรโลงใจจะทำให้ผู้ฟังผ่อนคลายจากความตึงเครียด เกิดความสุข ช่วยยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น การฟังสารจรรโลงใจมีวิธีสำคัญ ดังนี้
๓.๑   ตั้งใจฟัง ทำใจให้สบายในขณะที่ฟัง
๓.๒   ทำความเข้าใจเนื้อหาสำคัญ ใช้จินตนาการให้ตรงจุดประสงค์ของสาร
๓.๓   พิจารณาว่าสารนั้นจรรโลงใจในแง่ใด อย่างไร สมเหตุสมผลหรือไม่
๓.๔   พิจารณาการใช้ภาษาว่าเหมาะสมกับเนื้อหาและผู้รับสารเพียงใด
แบบทดสอบ

๑.     ที่ชายชลเขาชะโงกเป็นโกรกธารน้ำพุพุ่งซ่า ไหลมาฉาดฉาน เห็นตระการ มันไหลจอก ๆ โครม ๆ มันดังจอก ๆ จอก ๆ โครม ๆ

1.             สารให้ความรู้
2.             สารจรรโลงใจ
3.             สารโน้มน้าวใจ
4.             ข้อ ๑ และข้อ ๓

.   ลูกเอ๋ย กลับบ้านของเราเถอะนะ ลูกเป็นหัวใจของบ้านเรา ทุกคนในบ้านรักลูก อยากเห็นลูกเป็นคนดี กลับเนื้อกลับตัวกลับบ้านพร้อมพ่อแม่เถิดลูกรัก

๑.           สารให้ความรู้
๒.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔            ข้อ ๑ และข้อ ๓

๓.      วิธีทำหมูอบนั้นต้องล้างเนื้อหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้น โขลกรากผักชี กระเทียม เกลือ พริกไทยให้ละเอียด ใส่ซีอิ๊วขาว เหล้า เนย เคล้ากับหมูให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปอบด้วยไฟ 400 องศาฟาเรนไฮต์ จนเนื้อหมูสุกดี

๑.           สารให้ความรู้
๒.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           ข้อ ๑ และข้อ ๓

๔.  ผิวของคุณจะนุ่มนวลอ่อนละมุน เมื่อคุณใช้ครีมทาผิว....ที่ผสมด้วยน้ำมะนาว ผิวสาวของคุณจะสดสวยตลอดกาล อย่ารอช้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป รีบใช้ครีมทาผิว.......

๑.           สารให้ความรู้
๒.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           ข้อ ๑ และข้อ ๓

๕.      พิศดูหมู่วิหกผกโผผิน                                โบกบินร่อนร้องก้องขรม 
นกแก้วสาลิกาน่าชม                                    เสียงระงมพลอดเพรียกเรียกกัน    
นกเขาเคล้าคู่ชูคอ                                          จับตอต้นตาลขานขัน        
เสียงคู่กู่พร้องก้องอรัญ                                ผลัดกันไซ้ขนต้นคอ

นกแก้วสาลิกาน่าชม                                    เสียงระงมพลอดเพรียกเรียกกัน    
นกเขาเคล้าคู่ชูคอ                                          จับตอต้นตาลขานขัน        
เสียงคู่กู่พร้องก้องอรัญ                                ผลัดกันไซ้ขนต้นคอ

๑.           สารให้ความรู้
.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           ข้อ ๑ และข้อ ๓

๖.     การดอกไม้ดอกหนึ่งจะมีสีใด ก็เป็นเพราะดอกไม้ดอกนั้นมีเกล็ดบางอย่าง แทรกอยู่ในเนื้อเยื่อของกลีบ และเกล็ดนั้นสะท้อนแสงสีนั้นเข้ามานัยน์ตาเรา เช่น ดอกบานบุรี มีเกล็ดเหลืองแทรกอยู่ในเนื้อเยื่อของกลีบ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาโดนเกล็ดเหลือง ก็สะท้องแสงสีเหลืองมาเข้านัยน์ตาเรา เราก็เห็นดอกบานบุรีเป็นสีเหลือง

.           สารให้ความรู้
๒.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           ข้อ ๑ และข้อ ๓

๗.    ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้จักวางแผนครอบครัว การวางแผนครอบครัวจะช่วยให้คุณมีเวลาเอาใจใส่ดูแลลูกได้มากขึ้น ทั้งคุณก็จะมีเวลาพักผ่อน ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย วิธีการวางแผนครอบครัวนั้นแสนสะดวกและปลอดภัย อย่ามัวรีรอไปติดต่อรับบริการได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ

๑.        สารให้ความรู้
๒.           สารจรรโลงใจ
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           ข้อ ๑ และข้อ ๓
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ ๘-๑๔
      “วันเพ็ญเดือนสิบสอง                                  น้ำนองเต็มตลิ่ง   
เราทั้งหลายชายหญิง                                    สนุกกันจริงวันลอยกระทง               
ลอย ลอยกระทง                                            ลอยลอยกระทง   
ลอยกระทงกันแล้ว                                       ขอเชิญน้องแก้ว  
ออกมารำวง                                                    รำวงวันลอยกระทง            
รำวงวันลอยกระทง                                      บุญจะส่งให้เราสุขใจ         
บุญจะส่งให้เราสุขใจ

๘.      เนื้อหาของเพลงนี้ควรจัดเป็นสารประเภทใดชัดเจนที่สุด

๑.          สารจรรโลงใจ
๒.         สารให้ความรู้
๓.           สารโน้มน้าวใจ
๔.           สารโฆษณาชวนเชื่อ

๙.      สารตอนใดมีข้อเสนอที่สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของผู้ฟัง

๑.         น้ำนองเต็มตลิ่ง
.           รำวงวันลอยกระทง
๓.         ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง
๔.           บุญจะส่งให้เราสุขใจ

๑๐.  สารดังกล่าวนี้ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งใด

๑.         กำหนดวันลอยกระทง
๒.           รำวงวันลอยกระทง
.           การทำบุญวันลอยกระทง
๔.           ความสนุกสนานวันลอยกระทง

เฉลยแบบทดสอบ
๑.                                                .                                                      .                                      .   
.                                                .                                                       .                                      .    
.                                                 ๑๐




แหล่งที่มา :
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  กระทรวงศึกษาธิการ( ๒๕๕๐ )วรรณสารศึกษา เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๗กรุงเทพฯ คุรุสภาลาดพร้าว.

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

จัดทำโดย





   จัดทำโดย... 





๑.  นางสาว  นูรีมาน มะลี                        รหัสนักศึกษา   405401040
๒.  นางสาว  นูรฮายาตี  แอเสาะ             รหัสนักศึกษา   405401015
๓.  นางสาว  ยูรี    มาฮะ                          รหัสนักศึกษา   405401020
๔.  นางสาว  อาฟาส   ดะเซ็ง                  รหัสนักศึกษา   405401015


ชั้นปีที่  ๓

สาขาวิชา   ภาษาไทย  ( ค.บ. )

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา



รับสารด้วยการฟัง




รับสารด้วยการฟัง



                การฟังในสมัยปัจจุบันนี้  มีทั้งที่เป็นการฟังโดยตรงจากบุคคล  และการฟังจากสื่ออิเล็กทรอนิก  เช่น  ฟังแถบ  บันทึกเสียง  ฟังวิทยุกระจายเสียง  เราจำเป็นต้องฝึกฝนให้มีทักษะการฟัง  ไม่ว่าสารจะผ่านมาทางสื่อชนิดใด
ความหมายของการฟัง
                การฟัง  คือ  การรับรู้ความหมายจากเสียงที่ได้ยินเป็นการรับสารทางหู  การได้ยินเป็นจุดเริ่มต้นของการฟังและเป็นเพียงการกระทบกันของเสียงกับประสาทหูตามปกติ  จึงเป็นการใช้ความสามารถทางร่างกายโดยตรง  ส่วนการฟังเป็นกระบวนการทำงานของสมองอีกหลายขั้นตอนต่อเนื่องจากการได้ยิน  เป็นความสามารถที่จะรับรู้สิ่งที่ได้ยิน  ตีความและจับความสิ่งที่รับรู้นั้น  เข้าใจและจดจำไว้  ซึ่งเป็นความสามารถทางสติปัญญา
                ในชีวิตประจำวันของเรา  อาจกล่าวได้ว่าเราใช้ทักษะการฟังมากกว่าทักษะอย่างอื่น  บางโอกาส  เราฟังเรื่องที่สำคัญและจำเป็น  เช่น  ฝังประกาศที่สถานีรถไฟ  ที่โรงพยาบาล  ฟังประกาศของโรงเรียน  หรือฟังในที่อื่นๆ  ในชีวิตระหว่างการศึกษาของนักเรียน  การฟังเป็นทักษะที่สำคัญมาก  เพราะนักเรียนจะต้องฟังครูอบรมสั่งสอนและอธิบายให้ความรู้อยู่เป็นนิจ  มีผู้เข้าใจว่าคนแต่ละคนมีสรรถภาพการฟังอยู่แล้วโดยธรรมชาติ  ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน  ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น  ผู้ที่ผ่านการฝึกทักษะการฟังจะมีทักษะสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกเป็นอันมาก  นอกจากนั้น  เราคงเคยสังเกตเห็นอยู่เสมอว่า  ผู้ที่ฟังอยู่ร่วมกัน  เรื่องเดียวกัน  โอกาสเดียวกัน  รับสารได้ไม่เท่ากัน  ถ้าจะทดสอบโดยวิธีขอให้เล่าเรื่องที่ได้ฟังมา  ผู้ที่ได้ฟังบางคนเล่าได้เนื้อความครบถ้วน  บางคนเล่าได้เพียงครึ่งเดียว  และมีบางคนเล่าขัดแย้งกันเอง  จะเห็นได้ว่า  สมรรถภาพ            การฟังไม่ได้มีไม่เท่ากันธรรมชาติ  แต่อาจเพิ่มพูนขึ้นได้โดยการฝึก  ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน  หรืออาจกล่าวได้ว่าต้องฝึกตลอดชีวิตเพราะในเวลาที่เรามีอายุมากขึ้น  จะต้องฟังเรื่องราวที่ซับซ้อนและสำคัญมากขึ้นไป
จุดมุ่งหมายของการฟัง
                เวลาเราฟัง  เรามักไม่ทันคิดว่าเราฟังเพื่อความมุ่งหมายอะไร  แต่เรารู้ว่า  เมื่อเราไปฟังเพลงหรือฟังดนตรี  เราฟังเพื่อความเพลิดเพลินและความสุขใจเป็นสำคัญ  เมื่อเราไปฟังปาฐกถาเราอาจฟังเพื่อให้ได้รับความรู้และได้รับความเพลิดเพลินด้วย  หรือเราอาจฟังเพื่อให้ได้รู้ว่าคนอื่นเขาคิดต่างกับเรา  หรือเหมือนกับเราอย่างไร  เมื่อเราฟังครูสอนหรืออธิบายข้อความรู้ในห้องเรียน  เราย่อมมุ่งที่จะได้ความรู้เป็นสำคัญ  แต่ถึงกระนั้นก็ดี  หากเรากำหนดจุดมุ่งหมายในการฟังแต่ละครั้งแต่ละเรื่องไว้  ก็จะทำให้เราฟังอย่างตั้งใจ  ทำให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่ฟังและได้รับประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่  อีกทั้งเป็นการฝึกนิสัยของเราให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราฟังหรือทำด้วย
                จุดมุ่งหมายในการฟังอาจแบ่งได้เป็น  ๔  อย่าง  คือ
๑.      เพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน
๒.    เพื่อเพลิดเพลิน
๓.     เพื่อรับความรู้
๔.     เพื่อได้คติชีวิตและความจรรดลงใจ
การฟังเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน  การฟังชนิดนี้เป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์  เราต้องฟังพ่อแม่  ญาติพี่น้องซึ่งอยู่ในบ้านเดียวกันกับเรา  ฟังเพื่อนที่อาจพูดธุระหรือคอยเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้เราฟังและเราก็โต้ตอบด้วย  ฟังคนอื่นที่ติดต่อเกี่ยวข้องการฟังชนิดนี้มีความสำคัญมิใช่น้อย  เพราะทำให้มนุษย์คงความสัมพันธ์ที่ดีตลอดไป  อันทำให้ดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
นักเรียนลองสังเกตสถานการณ์ในการฟังต่างๆ
สถานการณ์ที่  ๑  ที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย  ดอนเมือง

 อะ่อ่ะอ่าคลิ๊กที่นี่คะ

อะอะอ่ามีอะไรให้ดู !! คลิ๊กที่นี่คะ

                เสียงประกาศ  ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกับสายการบินไทย  เที่ยวบินทีจี  ๒๖๑  ไปฮ่องกง  โปรดไปรับการตรวจหนังสือเดินทาง  และไปขึ้นเครื่องที่ทางออกหมายเลข  ๔๓  ได้แล้วค่ะ
                นางสาววาสนานั่งดูโทรทัศน์รายการเพลงของนักร้องยอดนิยมที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์อย่างเพลิดเพลิน  ไม่ทันฟังเสียงประกาศ  และลืมดูนาฬิกาด้วยว่าได้เวลาเครื่องบินจะออกแล้ว
                เสียงประกาศ  (อย่างเดิม  ครั้งที่สอง  คราวนี้ออกชื่อคุณวาสนาด้วย)
                เสียงประกาศ  (เหมือนครั้งที่สอง)
                นางสาววาสนาพรวดพราดลุกขึ้นด้วยความตกใจ  รีบเข้าไปตรวจหนังสือเดินทางกว่าจะเสร็จ  และกว่าจะเดินแกมวิ่งให้ไปถึงทางออกซึ่งอยู่ไกลมาก  ในที่สุดโชคยังเข้าข้าง  เธอขึ้นเครื่องบินได้อย่างกระหืดกระหอบ  ผู้โดยสารอื่นๆ  พากันมองนางสาววาสนาเป็นตาเดียว  ถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงประกาศ  เครื่องบินก็ต้องออกตามกำหนดเวลา  นางสาววาสนาก็ต้องไปเปลี่ยนบัตรผู้โดยสารเป็นเที่ยวบินต่อไปและตนก็จะไปทำธุระไม่ทันด้วย  ยิ่งกว่านั้น  ถ้านางสาววาสนามีสัมภาระที่ขนขึ้นเครื่องบินไปก่อนแล้ว  ก็จะทำความยุ่งยากให้แก่สายการบินที่จะต้องรื้อสัมภาระเหล่านั้นลงจากเครื่องก่อนออกด้วย  อันเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยในการบิน
กิจกรรม
.  ให้นักเรียนฟังเรื่องเล่าที่ครูหรือเพื่อนนำมาเล่าหรืออ่านให้ฟัง  เรื่องเล่านั้นอาจเปิดจากแถบบันทึกเสียงหรือจากวีดิทัศน์ก็ได้
ในการฟังให้นักเรียน
๑)     จับจุดที่น่าสนใจของเรื่อง
๒)    หาความคมขำของเนื้อเรื่อง
๓)    ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่น่าขันของตัวละคร
๔)    ชี้ให้เห็นเหตุการณ์ที่ผันแปรไปในเรื่อง
๕)    บอกข้อคิดที่แฝงอยู่

                การฟังเพื่อเพลิดเพลิน  นอกจากการฟังเพลงและดนตรีแล้ว  ไดแก้การฟังเรื่องราวที่สนุกสนาน  เบาสมอง   หรือเรื่องที่ชวนให้ใช้ความนึกฝันหรือจินตนาการ  เป็นการผ่อนคลายความคลายเครียดอันเนื่องมาจากกิจการงานและภาวะแวดล้อม  การฟังประเภทนี้อาจจัดเข้าเป็นอีกส่วนหนึ่งของกิจกรรมประเภทนันทนาการได้  อย่างไรก็ดี  ความเพลิดเพลินจากการฟังขึ้นอยู่กับรสนิยม  เวลา  สถานที่และอารมณ์  เสียงที่เราฟังอาจเป็นเสียงมนุษย์  เสียงธรรมชาติ  หรือเสียงดรตรี  แต่ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะที่เกี่ยวกับภาษาเท่านั้น  สิ่งที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลินได้คือเสียงของผู้พูดหรือผู้อ่านที่ชักนำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงความน่าสนใจของเนื้อเรื่องและแก่นเรื่องในนิทานนิยาย  ความไพเราะของถ้อยคำ  ทำนอง  หรือเหตุการณ์ที่เล่ามีความขำขันสบอารมณ์ของเรา

                ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของเรื่องที่ฟังแล้ว  ได้ความเพลิดเพลิน  เป็นเรื่องที่แสดงนิสัยนานาประการของมนุษย์บ้าง  สัตว์บ้าง  นักเรียนลองปิดหนังสือ  ครูหรือเพื่อนเป็นผู้อ่านให้ฟัง  เรื่องแรกเป็นนิทานของอิหร่าน  เรื่องที่สองเป็นนิทานของจีน
                ชาวนาผู้หนึ่งนำไก่ย่างและสุราผลไม้ขวดหนึ่งมาให้เป็นขอองกำนัลแก่ราชาที่ดินคนหนึ่ง  ราชาที่ดินก็เรียกเด็กรับใช้มายกของกำนัลที่ชาวนาให้ไปไว้ที่บ้านของเขา  แต่เขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มรับใช้คนนี้ขี้โกงชั้นยอด  เขาจึงชี้แจงให้เด็กหนุ่มนั้นฟังว่า  ใต้ผ้าคลุมของกำนัลมีนกเป็นๆตัวหนึ่ง  กับยาพิษอยู่ขวดหนึ่ง  แล้วยังแนะว่าในระหว่างทางกลับบ้าน  อย่าได้เปิดผ้าคลุมนั้นออกเป็นอันขาด  เพราะนกจะบินหนี  และกลิ่นยาพิษก็จะระเหยออกมาฆ่าเด็กรับใช้เสีย
                เด็กรับใช้หนุ่มรู้จักนายของเขาดีเกินขนาดด้วยซ้ำ  พอเดินไปเห็นมุมเหมาะๆเข้า  ก็ไม่เพียงแต่กินไก่ย่างเสียทั้งตัวอย่างเดียว  แถมดื่มเหล้าผลไม้เสนอร่อยเสียจนหยดสุดท้าย  เกลี้ยงขวดไปเลย
                ครั้นถึงเวลาอาหารกลางวัน  ท่านราชาที่ดินก็กลับบ้าน  ให้ภรรยานำอาหารมาให้กิน  ภรรยาบอกให้เขาคอยสักครู่  เพราะอาหารไม่ทันเตรียมไว้  เจ้าของที่ดินก็บอกว่า  เอาไก่ย่างกับเล่าผลไม้ที่ฝากมากับเด็กรับใช้ก็พอแล้ว  เขาแปลกใจและฉุนกึก  เมื่อภรรยาบอกว่า  เธอยังไม่เห็นเจ้าหนุ่มนั่นตั้งแต่เช้ามาแล้ว
                โดยไม่ยอมเสียเวลาแม้นาทีเดียว  ท่านเจ้าของที่ดินก็เผ่นกลับที่ทำงานอย่างรวดเร็ว  ณ  ที่ทำงานนั้นเอง  เขาพบพ่อคนรับใช้นอนหลับปุ๋ยสำราญอยู่  เขาจึงตะโกนเรียก  เตะเด็กหนุ่มป้าบๆให้ตื่นขึ้น  แล้วตะคอกถามถึงของกำนัลที่ชาวนาให้มา
                พ่อหนุ่มนั้นก็กล่าวว่า  นายขอรับ  ในระหว่างเดินกลับบ้านลมแรงพัดเอาผ้าคลุมนกปลิวออก  นกก็บินปรื๋อหนีไป  ผมกลัวว่านายจะลงโทษผม  ผมก็เลยดื่มยาพิษนั้นเสียหมดขวด ”  แล้วยังถามท้ายว่า  ผมจึงกลับมานอนรอความตายอยู่ที่นี่แหละครับ

                เมื่อนักเรียนได้ฟังเรื่องข้างต้นแล้ว  อะไรเป็นจุดสำคัญที่ทำให้นักเรียนได้รับความเพลิดเพลิน  อาจได้แก่  เนื้อเรื่อง  ความคมขำของคำพูดของตัวละคร  แง่คิดที่ได้จากเรื่อง  การผูกปมและการคลี่คลายปมหรือวิธีนำเสนอ  การใช้สุ้มเสียง  ท่าทางกิรินาอาการ  การเร่งและทอดจังหวะ  การใช้อวัจนภาษาของผู้ที่อ่านให้เราฟัง  อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
                สรุปแล้วก็คือ  ที่นักเรียนได้รับความเพลิดเพลินนั้นเป็นเพราะสาร  หรือวิธีนำเสนอของผู้เล่าอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือทั้งสองอย่างก็ได้นั่นเอง
กิจกรรม
.  ให้นักเรียนฟังเรื่องเล่าที่ครูหรือเพื่อนนำมาเล่าหรืออ่านให้ฟัง  เรื่องเล่านั้นอาจเปิดจากแถบบันทึกเสียงหรือจากวีดิทัศน์ก็ได้
ในการฟังให้นักเรียน
๑)     จับจุดที่น่าสนใจของเรื่อง
๒)    หาความคมขำของเนื้อเรื่อง
๓)    ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่น่าขันของตัวละคร
๔)    ชี้ให้เห็นเหตุการณ์ที่ผันแปรไปในเรื่อง
๕)    บอกข้อคิดที่แฝงอยู่

                การฟังเพื่อรับความรู้  การฟังชนิดนี้ได้แก่  การฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิชาการข่าวสาร  และข้อแนะนำต่างๆ  จะต้องฟังให้เข้าใจ  จดจำสาระสำคัญไว้ให้ได้  แล้วใช้ความคิด  วิเคราะห์  ตีความ  สังเคราะห์และประเมินคุณค่าได้ตามลำดับ
                                การรับฟังข้อความรู้ที่ผู้พูดจากประสบการณ์และความเข้าใจ  โดยไม่ได้เขียนเรียบเรียงไว้ก่อน  ต่อไปนี้

วิธีฝึกให้รู้เท่าทันตน
                ในชีวิตของคนเราไม่ว่าใครก็ตาม  คงจะมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าเราเสียรู้คนอื่น  เราทำสิ่งผิดพลาดที่ไม่น่าทำ  เราตัดสินใจพลาด  เราเลือกสิ่งที่ไม่ควรเลือก  เหล่านี้  เป็นต้น
                หลายครั้งเรารู้สึกเสียใจและคิดว่าเราควรจะทำอย่างไร  จึงจะหลีกสภาพการณ์เช่นนั้นได้
                ลองวิเคราะห์ดู  เช่น  เราเลือกซื้อของผิด  เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าของนั้นคุ้มค่ากับราคาที่เราลงทุนหรือไม่  ของนั้นจะใช้ประโยชน์ได้เพียงไหน  เราควรซื้อที่ร้านอื่นจะดีกว่าหรือไม่  เพราะของชนิดเดียวกันอาจถูกกว่าก็ได้
                การหยุดพิจารณาแม้เพียงอึดใจเดียว  อาจทำให้เราไม่ต้องมาเสียใจภายหลังปัญหาที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ก็คือ  เราไม่สามารถหยุดพิจารณาได้แม้เพียงอึดใจเดียว  ทั้งๆที่เรารู้อยู่แก่ใจว่า  การหยุดพิจารณาเช่นนั้นมีประโยชน์
                ความจริงคนเราจะเกิดความเคยชินในการหยุดพิจารณาชั่วขณะก่อนที่จะทำอะไรลงไป  ไม่ว่าจะเป็นการพูด  การเขียน  การคิด  การกระทำ  มีเคล็ดลับอยู่ว่าต้องฝึกให้บ่อยในทุกโอกาสที่สามารถฝึกได้  นับตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนเข้านอนหลับไป  หากเราลองลืมมิได้หยุดคิดพิจารณา  เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ  หงุดหงิด  นึกขึ้นได้เมื่อไรก็พิจารณาเมื่อนั้น  ทำบ่อยๆ  ทำซ้ำๆ  ไม่เคร่งเครียด  ไม่กังวล  ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น
                สังเกตดูเถอะ  การหยุดคิดพิจารณาที่กำลังเรียกร้องหาอยู่นี้จะเกิดขั้นแก่เราได้ดีขึ้น  ถี่ขึ้นทุกที  เมื่อถึงเวลาที่สำคัญหรือที่เรียกว่าเวลาวิกฤติ  เราจะสามารถหยุดคิดพิจารณาได้
                ท่านผู้ฟังครับ  ขณะนี้ท่านหยุดคิดพิจารณาได้ไหม  พิจารณาอะไร  ถ้าท่านกำลังใจลอย  นึกถึงใครคนหนึ่ง  นึกถึงสิ่งที่ท่านกำลังจะกระทำล่วงหน้า  ท่านก็ลองพิจารณาว่า  อ๋อ!  เรากำลังใจลอย  เรากำลังนึกถึงที่โน่น  ที่นี่  ถ้าท่านใจไม่ลอย  ท่านก็หยุดคิดพิจารณาอีกแหละว่า  หึเรากำลังฟังอยู่  ถ้าท่านเกิดความรู้สึกอยากคุยกับเพื่อนข้างๆขึ้นมา  เพราะอยากรู้ว่าเมื่อคืนนี้ฟุตบอลของทีมไหนชนะ  ท่านก็หยุดกึกนึกว่า  เอ้อกำลังจะถามเพื่อน  แต่ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามไม่ให้คิด  ไม่ให้อยากรู้  ไม่ให้อยากทำ  เพราะสิ่งเหล่านี้ห้ามกันไม่ได้หรอก  แต่ที่แนะให้หยุดกึกนึกก่อนนั้นอยู่ในวิสัยที่ทำได้  และถ้าทำได้จริงๆบ่อยๆนี่แหละที่ท่านเรียกว่า  สติได้เกิดขึ้นแก่เราได้เจริญขึ้นแล้วในตัวเรา  และถ้าสติได้เจริญขึ้นจนถึงจุดที่ท่านเรียกว่า  สติอันไพบูลย์เมื่อไรแล้ว  ท่านจะบรรลุถึงซึ่งชีวิตอันประเสริฐโดยแท้
                นักเรียนคงสังเกตได้ว่า  ข้อความข้างบนที่ถอดออกมาจากคำพูดโดยตรงนั้น  เราไม่สามารถรับสารที่ผ่านมาทางอวัจนภาษาได้เลย  จึงอาจทำให้ขาดความชัดเจนแจ่มแจ้ง  และลดความน่าสนใจลงไปได้
                อย่างไรก็ดี  เราพอสังเกตภาษาที่ใช้นำเสนอว่าต่างจากภาษาที่ใช้ในการเขียน  เช่น  ใช้คำซ้ำๆกัน  มีคำบางคำเกินเข้ามา  ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับการอ่าน  หรือเราไม่จำเป็นต้องใช้ในการเขียน  มีคำอุทานแปลกๆ  ซึ่งเป็นท่วงทำนองเฉพาะตัวของผู้พูด  แม้กระนั้นก็ดี  ถ้าเรารู้จักเลือกจับเฉพาะสารประโยชน์  แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติให้ได้  ก็จะเกิดผลแก่ชีวิตของเรา  นั่นคือ  การฟังครั้งนั้นได้ผลคุ้มกับเวลาที่เราเสียไป
กิจกรรม
.  ให้นักเรียนฟังเรื่องเล่าที่ครูหรือเพื่อนนำมาเล่าหรืออ่านให้ฟัง  เรื่องเล่านั้นอาจเปิดจากแถบบันทึกเสียงหรือจากวีดิทัศน์ก็ได้
ในการฟังให้นักเรียน
๑)     จับจุดที่น่าสนใจของเรื่อง
๒)    หาความคมขำของเนื้อเรื่อง
๓)    ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่น่าขันของตัวละคร
๔)    ชี้ให้เห็นเหตุการณ์ที่ผันแปรไปในเรื่อง
๕)    บอกข้อคิดที่แฝงอยู่
                   .  การฟังเพื่อได้คติชีวิตและความจรรโลงใจ  คำ  จรรโลงใจ  นั้นบางคนเข้าใจความหมายอย่างแคบ  และบางคนเข้าใจความหมายอย่างกว้าง  ผู้ที่เข้าใจอย่างแคบคิดว่า  ความจรรโลงใจ  คือ  ความมีใจสูงขึ้นทางศีลธรรมจรรยาเท่านั้น  แท้จริงคนเราอาจมีใจสูงขึ้นในทางความงามหรือความรู้  ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับศีลธรรม  แต่มีผลส่งให้เป็นคนมีศีลธรรมดีเพราะความงามทำให้คนประณีต  คลายความดุร้ายลง  ความรู้ทำให้เราพ้นจากความงมงายและนำเราไปสู่ความจริง  จึงอาจสรุปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายว่า  ความจรรโลงใจนั้นอาจเป็นไปในทางความดี  ความงาม  หรือความจริง  ก็ได้
                การฟังเพื่อได้คติชีวิตและความจรรดลงใจ  ได้แก่  การฟังพระธรรมเทศนา  คำสอนโอวาทเรื่องราวต่างๆ  และบทกวีที่ไพเราะที่ช่วยค้ำชูจิตใจให้สูงขึ้นประณีตขึ้น  การฟังชนิดนี้เป็นการฟังที่ก่อให้เกิดสติปัญญา  ความสุขุม  และวิจารณญาณ  ผู้ฟังจึงต้องฟังด้วยความตั้งใจ  การฟังเพื่อให้ได้คติมีความสำคัญมากในการดำรงชีวิต  เพราะจะช่วยให้ผู้ฟังมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีงาม  และเป็นไปในทางสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
                การฟังเพื่อได้คติชีวิตและความจรรโลงใจในบางโอกาสผู้ฟังควรใช้ความคิดพิจารณาไปด้วย  เลือกเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ  รู้จักปฏิเสธในสิ่งที่ตนได้พิจารณาแล้วว่าไม่ชอบด้วยเหตุผลหรือขัดต่อสภาพความเป็นจริง
                ผู้ที่เคยฟังพระบรมราโชวาทในโอกาสต่างๆ  จะมีความรู้สึกตรงกันอย่างหนึ่งว่า  สาระสำคัญในพระบรมราโชวาทล้วนให้ความจรรโลงใจตามนัยที่กล่าวมาข้างต้น  จึงได้อัญเชิญมาพิมพ์ไว้ให้นักเรียนพิจารณาดังต่อไปนี้  อย่างไรก็ดี  นักเรียนควรหาโอกาสฟังด้วยตนเองบ้างในโอกาสสำคัญๆ  เช่น  วันขึ้นปีใหม่  วันเฉลิมพระชนมพรรษา  วันพระราชทานปริญญาบัตร
พระบรมราโชวาท
ในพิธีสวนสนามเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
ณ  กรีฑาสถานแห่งชาติ
วันอังคารที่  ๑  กรกฎาคม  ๒๕๑๒
                ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มาร่วมพิธีปฏิญาณตนสวนสนามของคณะลูกเสือและที่ได้รับรายงานว่างานของคณะลูกเสือดำเนินก้าวหน้ามาเป็นลำดับ
                การลูกเสือเป็นกิจการที่ผู้ใหญ่จัดขึ้นสำหรับเด็ก  คือผู้ใหญ่ผู้มีความเสียสละ  มีความมุ่งดีมุ่งเจริญต่ออนาคตของเด็ก  มาร่วมมือกันอุทิศกำลังกายกำลังความคิด  อุทิศเวลาและประโยชน์ส่วนตัว  จัดกิจการลูกเสือขึ้น ทำตัวเป็นผู้นำ  ผู้ฝึกสอน  พร้อมทั้งอุปถัมภ์แก่เด็ก  ช่วยกันฝึกฝนอบรมเด็กให้มีความรู้ดี  มีความเข้มแข็งบึกบึนและมีความเฉลียวฉลาด  เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนมีค่าในสังคมและในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่จะทำให้สังคมเป็นสังคมที่มีค่าด้วย   ในโอกาสสำคัญนี้  ข้าพเจ้าจึงขอฝากหลักการที่กล่าวข้างตนไว้กับผู้บังคับบัญชาลูกเสือและผู้บริหารกิจการลูกเสือทุกคน  เพื่อท่านจะได้ทราบตระหนักถึงเจตนารมณ์อันแท้จริงของการลูกเสือ  และร่วมกันรักษาเจตนารมณ์นั้นไว้ให้เที่ยงตรง  เพื่อความมั่นคงของคณะลูกเสือและเพื่อประโยชน์ของเยาวชนของเรา
                ในส่วนตัวลูกเสือนั้น  ขอเตือนว่า  การที่ได้เข้ามาเป็นลูกเสือย่อมเป็นโอกาสให้ได้รับการฝึกฝนอบรมความรู้และความดีต่างๆเป็นอันมาก  ที่จะทำให้เป็นคนมีความเข้มแข็ง  มีความสามารถ  มีความคิด  มีความสุจริต  และมีน้ำใจ  ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การดำเนินชีวิตในอนาคต  ลูกเสือจะต้องคิดพิจารณาให้เห็นประโยชน์ดังนี้  แล้วตั้งใจรับการฝึกหัดอบรมโดยเต็มกำลังความสามารถ  และระมัดระวังประพฤติปฏิบัติตนตามกฎบังคับและอุดมคติของลูกเสือโดยเคร่งครัด  จักได้เป็นลูกเสือที่สมบูรณ์ในวันนี้  และเป็นกำลังดำรงความเป็นปึกแผ่นรุ่งเรืองของการลูกเสือต่อไปในวันข้างหน้า
                ที่สุดนี้  ข้าพเจ้าขอแสดงความชื่นชมกับผู้ที่ได้รับเหรียญลูกเสือสดุดีทุกท่านและขออวยพรให้งานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยสำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมายทุกประการ  ขอให้ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ  ตลอดจนทุกท่านที่มาประชุมพร้อมกันในงาน  ประสบความสุขความสวัสดีโดยทั่วกัน
                แม้นักเรียนจะไม่ได้ฟัง  แต่เมื่ออ่านคงจะได้รับความจรรโลงใจ  นักเรียนควรสังเกตด้วยว่า  สำนวนภาษาที่ใช้ในพระบรมราโชวาทนี้  ประกอบไปด้วยถ้อยคำที่มีความหมายและไม่กำกวม
                นักเรียนยังได้ข้อความรู้อะไรอีกบ้างจากพระบรมราโชวาทนี้  และความจรรดลงใจที่ได้รับนั้น  มีในด้านใดบ้าง  น่าจะได้บันทึกไว้  และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มเพื่อน
                สื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์  เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เรามีโอกาสได้ฟังสารที่ให้ความจรรโลงใจ  ดังเช่นบทความของผู้ทรงคุณวุฒิเนื่องในวันเข้าพรรษาต่อไปนี้  ผู้ฟังจะได้รับความจรรโลงใจมากน้อยต่างๆ  กันไปตามประสบการณ์และภูมิหลังของแต่ละคน  นักเรียนควรหาโอกาสฟังบทความทำนองนี้อยู่เป็นนิจ
กิจกรรม
.  ให้นักเรียนฟังเรื่องเล่าที่ครูหรือเพื่อนนำมาเล่าหรืออ่านให้ฟัง  เรื่องเล่านั้นอาจเปิดจากแถบบันทึกเสียงหรือจากวีดิทัศน์ก็ได้
ในการฟังให้นักเรียน
๑)     จับจุดที่น่าสนใจของเรื่อง
๒)    หาความคมขำของเนื้อเรื่อง
๓)    ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่น่าขันของตัวละคร
๔)    ชี้ให้เห็นเหตุการณ์ที่ผันแปรไปในเรื่อง
๕)    บอกข้อคิดที่แฝงอยู่


แหล่งที่มา :
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  กระทรวงศึกษาธิการ. ( ๒๕๕๐ ). วรรณสารศึกษา เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๗. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.


                                                                               
                                        



               




 
"Sky and sea meet each other at the horizon...
You and me meet each other at love "
-- > $$ ฟ้ากับน้ำ พบกันที่ขอบฟ้าไกล หัวใจของเรา พบกันที่ความรัก $$

We are I'am

We are I'am

We are I'am

We are I'am

"Nuu Nuu Nuu"

อ่ะ!!!ๆๆกำลังอินช่ายม่ะ..หุ..หุ... "((( From now on, It's the beginning of two hearts That's reunion into one. Walk together with hand in hand And fill the heart with love and understand. )))" "$$ และนับจากวันนี้ นี่คือจุดเริ่มต้น ที่หัวใจคนสองคน จะผูกพันด้วยความรู้สึกเดียว เก็บเกี่ยวความฝัน ความรัก ก้าวต่อไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความเข้าใจ $$"
" Many words of love never mean
So much as the feeling in my heart. "
-- > $$ กี่คำ " รัก" ก็ไม่เท่าที่ใจรู้สึก
$$"
$$ "Love forever
.............................Nuu Nuu Nuu " $$ ^^

We are I'am

We are I'am
 
Blogger Templates